บทความ > สเปิร์มมีค่าอย่าทิ้ง

สเปิร์มมีค่า อย่าทิ้ง

    POSTED ON เมษายน 22, 2024 BY ADMIN

Cover Image

ทุกคนเคยได้ยินเรื่องของการเก็บหรือบริจาคอสุจิหรือไม่ครับ  ถ้าเคยอาจมีหลายคนมีคำถามผุดขึ้นในใจว่าทำไมต้องฝากเชื้ออสุจิ  และเมื่อไหร่ถึงจะทำได้  ขั้นตอนการทำยุ่งยากหรือไม่ ค่าใช้จ่ายเป็นยังไง  ทำไมถึงมีคำพูดที่ว่า “สเปิร์มมีค่า  อย่าทิ้ง”

เวลากล่าวถึงการบริจาคอสุจินั้นหลายคนอาจฟังดูเป็นเรื่องตลก  แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าปัจจุบันยังมีคู่สมรสที่มีบุตรยากอยู่จำนวนมาก โดยคู่สมรส ที่มาขอรับอสุจิที่บริจาคจะมีสาเหตุต่าง ๆ แต่ส่วนใหญ่คือ ผู้ชายเป็นหมันไม่มีตัวอสุจิออกมา  ซึ่งการบริจาคอสุจิในประเทศไทยมีมาไม่ต่ำกว่า 30 ปีแล้ว  ระยะแรกจะเป็นการใช้อสุจิสดๆ แต่มีปัญหาเรื่องโรคติดต่อโดยเฉพาะโรคเอดส์ทำให้ปัจจุบันการบริจาคอสุจิทั้งหมดจะเป็นแบบแช่แข็ง โดยจะเก็บอสุจิ ไว้ขั้นต่ำ 6 เดือนโดยเจาะเลือดผู้บริจาคเพื่อหาเชื้อเอดส์และโรคติดต่อ

Cover Image

เหตุผลหลักของการฝากหรือบริจาคอสุจิ คือ

ผมจะขอพูดถึงข้อสุดท้ายเป็นหลัก คือการบริจาคอสุจิให้กับคู่สมรสในกรณีที่ฝ่ายชายเป็นหมัน  เผื่อมีท่านชายใจบุญมาอ่านแล้วสนใจนะครับ  อย่างที่เห็นแล้วว่ายังมีคู่สมรสอีกหลายคู่ที่ไม่สามารถมีบุตรได้เอง  ซึ่งถ้าใครสนใจบริจาคอสุจิจะต้องติดต่อฝากแช่แข็งเชื้ออสุจิไว้ในธนาคารอสุจิ (sperm bank) ซึ่งมีบริการตามโรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่ง  ก่อนเก็บจะต้องผ่านการซักประวัติและตรวจแล็ปดูคุณภาพของอสุจิก่อน จึงนำไปเข้ากระบวน การแช่แข็ง  ซี่งมีขั้นตอนต่าง ๆ  ดังนี้ครับ

Cover Image

“พวกเราเหล่าพ่อบ้านใจกล้า แบ่งเบาความเจ็บปวดให้คุณภรรยา พิจารณาทำหมันชายแทนนะครับ”

เหตุผลหลักของการฝากหรือบริจาคอสุจิ คือ

  • คุณสมบัติทั่วไปของผู้บริจาคอสุจิ : อายุ 20-45 ปี (แล้วแต่ที่จะกำหนด) โดยห้ามเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางพันธุกรรมกับฝ่ายหญิง และต้องแน่ใจว่าผู้บริจาคไม่มีโรงทางพันธุกรรมหรือทางเพศสัมพันธ์  ซึ่งผู้ให้และผู้รับจะไม่รู้กันเพื่อตัดปัญหาการเรียกร้องสิทธิในภายหลัง
  • คุณภาพของอสุจิ  คนที่มาบริจาคต้องไม่มีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 3 วันโดยหลังจากได้อสุจิแล้วต้องไปเข้าเครื่องตรวจคุณภาพของอสุจิก่อน  ซึ่งขั้นตอนนี้จะมีการตรวจคุณภาพของอสุจิโดยต้องมีจำนวนตัวและอัตราการเคลื่อนไหวของอสุจิที่ผ่านเกณฑ์ด้วย

การนำอสุจิกลับมาใช้

อสุจิที่ถูกแช่แข็งจะหยุดการเคลื่อนไหว  ก่อนที่จะนำกลับมาใช้นั้นต้องนำหลอดบรรจุเชื้อไปละลายและเข้าเครื่องปั่นล้าง เพื่อให้ตัวอสุจิกลับมาวิ่งได้อีกครั้ง  ปัจจุบันเทคโนโลยีที่ทำให้เด็กเกิดมีหลายวิธี เช่น ผสมเทียม (Intra uterine insemination)  เด็กหลอดแก้ว (In-vitro Fertilization) หรือทำกิฟท์ (Gamete intrafallopian transfer)

คำถามที่พบบ่อย

  • เราจะรู้ได้ไหมว่าใครเอาอสุจิของเราไปใช้ ?   ในกรณีที่ท่านชายอยากรู้ว่าสายเลือดเราหน้าตาจะเป็นอย่างไร  ส่วนใหญ่คำตอบคือไม่ได้นะครับ เหตุผลเพื่อป้องกันปัญหาหรือการเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ  ภายหลัง ซึ่งตามกฎหมายเอง  คนบริจาคไม่มีสิทธิทางกฎหมายแก่เด็กที่เกิดมาครับ
  • คู่สมรสเลือกหน้าตา  โปรไฟล์ คนที่บริจาคได้ไหม ?หลัก ๆ คือคนบริจาคจะต้องไม่รู้ว่าใครรับไป  คนรับก็ต้องไม่รู้ว่าได้มาจากใครด้วย (กรณีของการบริจาคนะครับ)  เพื่อป้องกันปัญหาที่กล่าวมาในภายหลังซึ่งในส่วนนี้ในแต่ละที่จะมีวิธีการเลือกอสุจิให้เหมาะสมกับคู่ที่มารับ เช่นการสังเกตจากคู่สมรสว่ามีลักษณะสีผิว  ส่วนสูง  กรุ้ปเลือด  หรืออาจให้ดูลักษณะข้อมูลเบื้องต้นของผู้บริจาคได้แทนครับ  
  • “ผู้ชาย ขายน้ำ” คำนี้มีจริงไหม ?   สำหรับท่านชายใจเปลี่ยวที่อยากหารายได้เสริม  ข้อนี้สำหรับประเทศไทยขอตอบว่าทำไม่ได้ครับ  และผิดกฎหมายด้วยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. ๒๕๕๘  ซึ่งของเรายังไม่เหมือนต่างประเทศ  ถ้ารู้แบบนี้อย่าหาทำเลยครับ

ชื่อบทความก่อนหน้า

ชื่อบทความถัดไป



เพิ่มความคิดเห็น

    ติดตามข่าวสาร

    รับโปรโมชั่นก่อนใคร

    Channel Image

    @Remanclinic

    Channel Image

    รีแมน คลินิก Reman Clinice

    Channel Image

    Remanclinic

    Channel Image

    Reman Channel

REMAN CLINIC

เลขที่ x ซอยรามอินทรา 53 ถนนวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220 (ตรงข้าม โลตัส วัชรพล)

  • 080-000-0000

  • remanclinic@gmail.com

Website Logo